รายละเอียด:
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับกล้วยไม้กันก่อน กล้วยไม้เป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง โดยมีมากกว่า 800 สกุล และ 25,000 สปีชีส์ กล้วยไม้จัดอยู่ในกลุ่มพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledoneae) อยู่ในวงศ์กล้วยไม้ (Orchidaceae) มีลักษณะการเติบโตแบบต่างๆ ได้แก่ 1) กล้วยไม้อากาศ คือ กล้วยไม้ที่เกาะอาศัยอยู่บนต้นไม้อื่น โดยมีรากเกาะอยู่กับกิ่งไม้หรือลำต้น 2) กล้วยไม้ดิน คือ กล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินที่ปกคลุมด้วยอินทรียวัตถุ
นอกจากกล้วยไม้ชนิดพันธุ์ ที่พบในธรรมชาติอย่างมากมายแล้ว ยังมีพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ มีความแปลก สวยงามเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่นี้ จะมีจำนวนมาก และไม่มีขีดจำกัด ทำให้กล้วยไม้ของไทยเป็นที่รู้จัก เป็นที่สนใจ และชื่นชอบต่อคนทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น กล้วยไม้สกุลช้าง (Rhynchostylis spp.) ซึ่งสามารถจำแนกได้ 4 ชนิด 1) ช้าง (ช้างเผือก ,ช้างแดง ,ช้างกระ ,ช้างพลาย ,ช้างประหลาด ,ช้างการ์ตูน ) 2) เขาแกะ 3)ไอยเรศ หรือ งวงช้าง 4) Rhy. rosae พบทางประเทศมาเลเซีย ส่วนคนไทยจะอาจเรียกว่า (ไอยเรศมาเลย์) จุดเด่นของกล้วยไม้กลุ่มนี้คือให้ดอกเป็นช่อพวงยาวระย้าและมีกลิ่นหอมอ่อน อายุดอกนานประมาณ 1 เดือนก่อนเหี่ยวเฉา และร่วงหรือติดผล (บางชนิดพันธุ์ เช่น ไอยเรศ หรืองวงช้าง)
ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงทำให้ คุณพัชรวาท คมคาย ได้ตัดสินใจนำกล้วยไม้ชนิดนี้มาเลี้ยงเป็นไม้สวยงามประดับไว้หน้าบ้านที่ จังหวัดกระบี่ ทางคุณพัชรวาท กล่าวว่า ตอนเริ่มแรกก็มีอยู่แค่ 2-3 ต้น จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกระทั้งเกิดปัญหา ใบไหม้บวมน้ำและเกิดอาการเน่าที่โคนใบ ช่วงแรกคิดว่าใบไหม้เพราะโดนแสงแดดเผา จึงได้นำไปไว้ใต้ร่มไม้ที่มีแสงส่องรำไร แต่ผลปรากฏว่าเกิดอาการบวมน้ำและเน่าเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงหาวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งในหนังสือ วารสาร นิตยสาร และสื่อทางอินเทอร์เน็ต จนได้รู้จักกับชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ และได้มีการติดต่อสอบถามเพื่อเล่าปัญหาดังกล่าวให้ทางชมรมฯ ฟัง จนได้พบบทสรุปว่า กล้วยไม้เป็น " โรคเน่าดำ ( BLACK ROT ) " ซึ่งเกิดจากเชื้อรา phytophthora palmivora butl . ( เริ่มแรกใบมีจุดสีน้ำตาลแฉะ จะเปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด โคนต้นเน่า รากเน่า ดอกเน่า อาจเกิดจากสภาพอากาศชื้นสูงหรือฝนตกหนักอากาศเปลี่ยนฤดู ) ทางชมรมได้แนะนำให้ลองใช้ เชื้อ โคโค-แม็กซ์ บาซิลลัส ซับทิลิส เป็นจุลินทรีย์ สายพันธุ์ไทยที่เป็นปฏิปักษ์ในกลุ่มบัคเตรีที่ได้คัดเลือกว่ามีประสิทธิภาพสูงในเรื่องการป้องกันและกำจัดโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรครากเน่าโคนเน่า โรคผลเน่าของทุเรียน แม้กระทั่งหน้ายางเน่าหรือหน้ายางตาย
คุณพัชรวาท กล่าวต่อไปว่า ได้นำเอาผงเชื้อ โคโค-แม็กซ์ ฉีดพ่นทุกๆ1สัปดาห์ โดยนำเชื้อ 5 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 3-5 ชั่วโมง แล้วฉีดพ่นตอนเย็น ตามคำแนะนำ
คุณพัชรวาท กล่าวต่อไป หลังจากทำการฉีดพ่นเชื้อ โคโค-แม็กซ์ ประมาณ 1 สัปดาห์ก็สังเกตุพบว่าแผลที่โคนใบเริ่มแห้งอาการระบาดลดลงเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด นอกจากใช้เชื้อ โคโค-แม็กซ์ ในการกำจัดโรคที่เกิดจากเข้าทำลายของเชื้อราแล้ว ยังนำ O-BAC (สารชีวภาพกำจัดเพลี๊ย ไร และแมลงต่างๆ) มาผสมน้ำฉีดพ่นเพื่อไล่กำจัดหนอนแมลงศัตรูกล้วยไม้อีกทางหนึ่ง ในการฉีดพ่นสารสกัดชนิดนี้ควรผสมในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะ(20 ซีซี.) ต่อน้ำ 20 ลิตร คนให้เข้ากันแล้วทำการฉีดพ่นหรือสเปรย์ ( ในการฉีดพ่นควรฉีดพ่นให้ทั่วทั้งบนใบและไต้ใบ )* ในการฉีดพ่นเชื้อ โคโค-แม็กซ์ หรือสารสกัดสมุนไพรก็ดีควรกระทำในช่วงตอนเย็นแดดอ่อนๆ เพราะแมลงส่วนใหญ่จะเข้าทำลายพืชในช่วงกลางคืนมากกว่าช่วงกลางวัน หากเกษตรกรท่านใดสนใจหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ